ทำบุญกับพระปลอมได้ขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์กลับตกนรก

สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นยากจนหาเลี้ยงชีพด้วยการขอทานเดินทางมาอาศัยอยู่ที่ ศาลาในป่าแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ในขณะที่พักอยู่นั้นภรรยาซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ เกิดอาการแพ้ท้องอยากบริโภคอาหารที่พระราชาเสวย


จึงอ้อนวอนสามีให้ไปหามาให้ บอกว่าหากมิได้บริโภคอาหารที่ต้องการนี้จะต้องตายแน่นอน ฝ่ายสามีผู้มีกรรมทนคำอ้อนวอนต่อไปไม่ไหว่และเกรงว่านางจักตาย จึงคิดออกอุบายปลอมตัวเป็นพระภิกษุและด้วยความเป็นพระใหม่ที่ปลอมตัวมาจึงทำ ให้มีความระมัดระวังสำรวมกายในเรื่องต่างๆมากเพราะกลัวคนจับผิดได้
แล้วเดินอุ้มบาตรเข้าไปในพระราชวัง เพื่อรับบิณฑบาตร และในขณะนั้นเองพระราชาจักทรงเสวยพระกระยาหารพอดีเมื่อทรงทราบว่ามีพระภิกษุ เดินมาบิณฑบาตรภายในพระราชวัง ด้วยกิริยาอาการสำรวมน่าเลื่อมใสมาก
พระองค์เสด็จทอดพระเนตรดู ครั้นเมื่อเห็นกิริยาอาการแล้ว ก็ทรงจินตนาการว่า " ภิกษุรูปนี้ช่างมีกิริยาอาการสำรวมน่าเลื่อมใสยิ่งนักเป็นหนักหนา คงเป็นพระผู้ทรงคุณวิเศษสักอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้ " จึงเกิดพระราชศรัทธา
และทรงนำพระกระยาหารที่ทรงจะเสวยใส่ลงไปในบาตรจนหมดด้วยจิตใจเป็นปิติ เลื่อมใส เมื่อพระภิกษุปลอมรับบิฑบาตรอาหารจากพระราชาแล้วก็เดินจากไป
  
แต่ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในตัวพระปลอมยังอยู่ในพระทัยของพระองค์ จึงรับสังอำมาตย์คนสนิทให้รีบสกดรอยตามพระรูปนั้นไป เพื่อที่พระองค์จะได้นิมนต์ให้มารับบิณฑบาตรในวังอีก ฝ่ายพระปลอมเมื่อได้อาหารที่เมียอยากกินจากพระราชาแล้วรู้สึกดีใจมาก จึงรีบเดินไปให้พ้นกำแพงเมืองโดยเร็ว
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงเปลียนเสื้อผ้าเป็นคนธรรมดาตามเดิม        แล้วรีบนำอาหารไปให้ภรรยากินโดยเร็ว ครั้นเมื่ออำมาตย์ซึ่งเดินสะกดรอยตามไปได้เห็นพฤติกรรมนั้นโดยตลอด

ก็บังเกิดความตกใจและโกรธเคื่องใจคิดจะจับไปให้พระราชาลงโทษ แต่ด้วยความสงสารและสังเวชจึงได้เพียงทำการขับไล่สามีภรรยาคู่นั้นไปและห้าม กลับมายังเมืองนี่อีกไม่งั้นจะลงโทษทัณฑ์ 
หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้าไปยังในเพระราชวังเพื่อถวายความให้พระราชาทราบ ขณะเดินกลับไปก็ครุ่นคิดหาวิธีที่จะถวายความโดยตลอดเพื่อมิให้พระราชาทรง เสียพระทัย เมื่อพระราชาเห็นอำมาตย์เดินมา ก็ทรงตรัสถามไปทันทีด้วยความอยากรู้โดยเร็ว ว่า " เจ้าได้ความว่าอย่างไร บอกมาเร็วๆสิ ว่าพระสงฆ์รูปนั้นอยู่ป่าหรือเขตวัดแห่งหนใหน?
" อำมาตย์จึงใช้กุศโลบายเพื่อ รักษาศรัทธาของพระราชาไว้ แล้วก็กราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ข้าพระพุทธเจ้าได้สะกดรอยตามพระภิกษุรูปนั้นไปจนออกนอกเขต กำแพงพระราชวัง


พอตามไปสุดเขตกำแพงพระราชวังตรงแนวป่าทางโน้น ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ปรากฏว่าพระภิกษุรูปนั้นก็พลันหายวับเข้าไปในแนวป่า ทันที่ พระพุทธเจ้าข้า " พระราชาได้ทรงฟังดั้งนั้นก็ทรงโสมมนัสเสียพระทัยเป็นอันมาก

แต่ก็ทรงมิได้ซักถามอะไรเพิ่ม เพียงแต่ทรงตรัสว่า " เป็นบุญของเราแท้ๆที่ได้ถวายภัคตราหารใส่บาตรแต่พระสงฆ์ผู้ทรงเป็นคุณวิเศษ ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆที่เกิดปาฏิหารย์หายตัวได้และทานที่ถวายท่านใน วันนี้มีอานิสงส์มากเป็นทานที่ประเสริฐอย่างแน่นอน "

พระราชาทรงบังเกิดความปิติยินดี เบิกบานพระทัยในบุญที่ได้ทำในครั่งนี้เป็นยิ่งนัก ไม่นานหลังจากนั้นพระราชาก็เสร็จสรรคตไปบังเกิดบนสรรค์ชั้นดาวดึงส์

แต่ก่อนที่ทรงจะสวรรคตพระองค์ได้กำชับกับเหล่าอำมาตย์ไว้ว่าเมื่อพระองค์ สวรรคตแล้ว ให้ทำบุญใส่บาตรกับพระสงที่มารับบิณฑบาตรเพื่ออุทิศกุศลเพื่อเจาะจงพระองค์ ด้วย

 ในคราวนั้นได้มีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งพึ่งออกจากญาณสมาบัติได้จาริก ไปในเขตพระนครเพื่อบิณฑบาตร อำมาตย์คนเดิมได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้น  ก้ได้นิมนต์ท่านเข้าไปรับภัตตาหารในพระราชวังแต่ด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง สงสัยในตัวพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้นตลอดมา 
เนื่องจากเจอพระปลอมมาแล้วจึงเกรงว่าครั้งนี้ก็คงเป็นพระปลอมเช่นกัน โดยหารู้ไม่ว่าภิกษุที่ตนได้ถวายภัตตาหารอยู่นั้นคือ พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ซึ่งสิ้นกิเลสอาสวะโดยสิ้นเชิงเเล้ว
เหล่าอำมาตย์นั้น ได้ประมาทแล้วในพระอริยเจ้าโดยไม่รู้ตัวเพราะบุคคลธรรมดาไม่อาจทราบได้ว่า พระภิกษุรูปใดเป็นอริยะบุคคลหรื่อไม่เป็นอริยะบุคคล
(เหตุเพราะว่าพระอริยะบุคคลใดก็ตามท่านไม่สามารถประกาศได้ว่านั้นเป็นอริยะบุคคลแล้ว)
ฉนั้นการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้นนอกจากจะไม่เกิดกุศลแล้ว ยังทำให้อำมาตย์นั้นได้หนทางไปสู่อบายภูมิในโลกหน้าโดยไม่รู้ตัวอีกเลย...

http://board.palungjit.com/f124/ทำบุญกับพระปลอมได้ขึ้นสวรรค์-ทำบุญกับพระอรหันต์กลับตกนรก-264119.html
เหตุเพราะว่าพระอริยะบุคคลใดก็ตามท่านไม่สามารถประกาศได้ว่านั้นเป็นอริยะบุคคลแล้ว
เเปลความท่อนนี้...คือ
พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรม 
สาเหตุเกิดจาก ในกาลครั้งนั้นมีพระภิกษุบางรูปเพื่อต้องการแสวงลาภสักการะ ทั้งที่ไม่มีคุณธรรมในตน 
พระภิกษุบางรูปได้อวดแสดงตนเป็นพระอรหันต์
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนเป็นพระอริยะบุคคล เช่น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี ฯลฯ
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนผู้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ 
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนผู้มีฌาณสมาบัติ 
พระภิกษุบางรูปบางคณะ ได้อวดแสดงตนผู้มีศีลจารวัตรดี
ทั้งนี้เพื่อให้ลาภสักการะจะได้บังเกิดแก่พวกตน...

พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นซึ่งความเสื่อมจะบังเกิดแก่คณะสงฆ์ จึงทรงห้ามพระภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรม 
เพื่อความสงบและสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์สืบต่อไปในภายภาคหน้า

เพราะ พระภิกษุสาวกบางรูปที่อยู่ในธรรมวินัย ยังไม่มีคุณธรรมประจำตน เช่น สำเร็จเป็นพระอรหันต์ พระอริยะบุคคล มีฌาณสมาบัติ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ฯลฯ
คณะสงฆ์ในธรรมวินัยทั้งพระภิกษุที่แก่และอ่อนพรรษาจะเสื่อมจากอาหารบิณฑบาตร ลาภสักการะอันสมควรแก่สมณบริโภค 
สาเหตุเกิดมาจากพระภิกษุที่ไม่มีคุณธรรมหวังมุ่งแต่ลาภสักการะอวดอุตริมนุสสธรรม
ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อถวายปัจจัยไทยทานแก่หมู่พระภิกษุเหล่านั้นฯ ทำให้พระศาสนาเสื่อมสิ้นสูญ สำคัญนะครับเเม้เเต่" พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ซึ่งสิ้นกิเลสอาสวะโดยสิ้นเชิงเเล้ว "ท่านยังไม่สามารถ ประกาศ ตัวได้เลย
กับพระเมืองไทยอยากให้ ชาวพุทธศึกษาพระํธรรมอย่างจริงจัง
ก่อนจะเชื่อตามนั้น
Back To Top